ติดต่อสอบถาม

เปิดให้บริการ จันทร์ - ศุกร์ 09.30 - 18.30 น.

เสาร์ 09.30 - 15.30 น.

รวมขนมอร่อยที่ขึ้นชื่อในยุโรป ที่เดินทางไปแล้วพลาดไม่ได้

ยุโรปขนม
มาการอง LADUREE (Macaron)
มาการอง LADUREE (Macaron)
มาการอง LADUREE (Macaron)

1.มาการอง LADUREE (Macaron) เป็นขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส

ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ 2 ชิ้นประกบกัน มีไส้ตรงกลาง และมีสีสันสวยงามให้ชวนกิน แล้วก็มีราคาขนมต่อชิ้นที่สูงพอสมควร

แต่ถ้าหากใครได้เห็นขนมมาการองชนิดนี้แล้ว ก็คงอยากจะลิ้มรสชาติลองดูบ้างสักครั้งว่ารสชาติของมาการองเป็นเช่นไร ultimate journey จะอาสาพาคุณลูกค้าไปเที่ยวชิมขนมอร่อยๆแบบนาต้นตำรับที่ฝรั่งเศสกันคะ

มาการ็องเป็นขนมหวานจากฝรั่งเศสทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะแบรนด์ดังอย่าง Ladurée เเละบนถนนสายชอปปิ้งอย่าง Champs-Elysées นั้นก็เป้นที่ตั้งของร้านมาการ็อง Ladurée สุดเก๋อีกด้วยคะ

ซึ่งในเมืองไทยเราก็มีหลายร้านที่ทำขนมมาการองออกมาขาย ให้ได้เลือกไปชิมกันแต่ถ้าหากใครอยากจะลิ้มรส “มาการอง” แบบรสต้นตำรับที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศสแท้ๆ แล้วล่ะ ขอบอกว่าต้องมาลิ้มรสมาการองของร้าน “ลาดูเร่” (LADURÉE) กันให้ได้

ร้านลาดูเร่นี้ เป็นร้านแห่งตำนานที่ขายมาการองต้นตำรับจากฝรั่งเศสอย่างแท้จริง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในเรื่องของรสชาติมาการองพรีเมี่ยมที่เลิศรส

2.ร้านของหวาน ฝรั่งเศส ของเชฟ เซดริก โกรเลต์  (Cedric Grolet)

ขนมที่ถูกสร้างสรรค์และเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน จินตนาการ ดูราวกับศิลปะที่กินได้ จุดเด่นที่ทำให้ชื่อของ เซดริก โกรเลต์ เป็นที่รู้จักอย่างมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการนำเอาผลไม้มาใช้ในการทำขนม เช่น ส้ม,แอปเปิ้ล และผลไม้อื่นๆอีกมากมาย

เชฟ เซดริก โกรเลต์ จะรังสรรค์ขนมและรสชาติให้เสมือนผลไม้นั้นๆ ลดการใช้น้ำตาลทำให้ขนมไม่หวานเลี่ยน นอกจากนี้การออกแบบรูปลักษณ์ขนมหวานให้เป็นอาหารตาและชวนถ่ายรูปยังเรียกได้ว่าเป็นขนมที่น่ารับประทานและมีความโดดเด่นไม่เป็นรองใคร 

เพิ่มความสัมผัสเฉพาะตัวลงไป เพราะนั่นคือดีเอ็นเอของความเป็นฝรั่งเศส  ถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปปารีส อย่าลืมแวะไปที่ร้าน Cedric Grolet Le Meurice หรือที่ Cedric Grolet Opera หรือจะลองเข้าไปดูรูปขนมของเขาในอินสตาแกรมของ Cedric Grolet

3.ทาร์ตไข่ โปรตุเกส Pasteis de Belem

นั้นถือเป็นเมนูขนมอบที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศโปรตุเกสที่โด่งดังไปไกลถึงทั่วโลก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว “ทาร์ตไข่โปรตุเกส”

นั้นถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่มแม่ชีประจำมหาวิหาร Jerónimos Monastery ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากไข่แดงที่หลงเหลือเป็นจำนวนมากเมื่อกว่า 200 ปีก่อน

ปัจจุบัน ข้างๆมหาวิหาร Jerónimos Monastery นั้นได้เป็นที่ตั้งของ Pastéis de Belém ร้านขนมทาร์ตไข่โปรตุเกสร้านนี้เป็นร้านที่รักษาสูตรต้นตำรับเอาไว้อย่างดีจนทำให้ร้านขนมแห่งนี้กลายมาเป็น “สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม” ของเมือง Lisbon

ที่ทุกคนต้องห้ามพลาดที่จะมาลิ้มลองรสชาติของทาร์ตไข่ที่สามารถสั่งกลับบ้านหรือทานเล่นในร้านก็ได้ตามสะดวก ทาร์ตไข่ของเค้าอบใหม่ หอม กรอบ หวานน้อย เป็นอีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาด คิวยาวก็ยอมเพราะความอร่อยที่ละมุนแบบต้องลองแล้วจะว้าวววมาก

4. ทีรามิสุ โรม POMPI

 เมื่อพูดถึงของหวานของอิตาลี ทุกคนคงนึกถึง ทีรามิสุ อย่างแน่นอน Ultimate Journey จะพาเพื่อนๆไปทานทีรามิสุ Pompi ที่ได้ชื่อว่าอร่อยสุดๆ ใครที่ได้ลิ้มลองเป็นต้องหลงใหลแน่นอน Pompi มีหลายสาขา

แต่สาขาที่ตั้งอยู่กลางเมือง คือสาขา Via della Croce ซึ่งที่นี่จะเป็นสาขาที่เราอยากแนะนำ เพราะสาขา Via della Croce ตั้งอยู่ที่ Via della Croce เลขที่ 82 ซึ่งอยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของกรุงโรมอย่าง บันไดสเปน (Spanish Steps) เพียงประมาณ 200 เมตร

ทีรามิสุของ Pompi จะมีรสชาติให้เพื่อนๆได้เลือกถึง 5 รสชาติคือ 1. รสดั้งเดิม (Classic) 2. รสสตรอว์เบอร์รี (Strawberry) 3. รสถั่วพิสตาชิโอ 4. รสกล้วยและช็อคโกแลต (Banana and Chocolate) 5. รสถั่วเฮเซลนัท (Hazelnut)

พนักงานจะถามว่าทานทีรามิสุตอนนี้ หรือไม่ เพราะทางร้านมี 2 แบบ คือแบบทานเลย และแบบแช่เเข็งสำหรับทานภายใน 2-3 ชั่วโมง เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดสำหรับใครที่เป็นคนชื่นชอบของหวาน เมื่อมาเที่ยวที่โรม อย่าลืมแวะมาที่นี่นะคะ

5. Ovos Moles ร้าน Fabridoce คือทองหยอด ขนมหวานจากโปรตุเกส

ทองหยอด (โปรตุเกส: ovos-moles; โอวูส มอเลย์)  เป็นขนมโปรตุเกส มีถิ่นกำเนิดจากเมืองอเวโร (โปรตุเกส: Aveiro) เมืองชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส ทำจากแป้งผสมกับไข่แดงและน้ำ หยอดลงในน้ำเดือดเคี่ยวกับน้ำตาล เมื่อแป้งสุกจะเป็นเม็ดคล้ายหยดน้ำ มีสีเหลืองทอง

ทองหยอดเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยท้าวทองกีบม้า ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ขนมทองหยอดและฝอยทองเป็นขนมที่ถูกเผยแพร่ในสมัยอยุธยาโดยท้าวทองกีบม้าสตรีลูกผสมญี่ปุ่น เบงกอล และโปรตุเกส ซึ่งเป็นอาหารหวานที่ใช้ส่วนผสมไข่และน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก อันเป็นลักษณะอาหารของชาวโปรตุเกส ซึ่งต่างไปจากขนมไทยในสมัยนั้นที่จะใช้เพียงมะพร้าวเป็นส่วนประกอบหลัก

6. Apple Strudel (แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล)

เป็นของหวาน หรือขนมแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดที่มาจากเมืองเวียนนาของประเทศออสเตรีย เป็นเทคนิคของการทำขนมที่ใช้แป้งแผ่นบางๆ มาซ้อนกัน ที่ดูเหมือนจะนิยมที่สุดก็ได้

แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ลใช้แอปเปิ้ลมาห่อด้วยแป้งพาย พับแล้วนำไปอบให้กรอบเป็นชั้นสวย รสชาติหวานอร่อยกำลังพอดี นิยมทานคู่กับวิปปิ้งครีม หรือไอศกรีม ส่วนมากจะเสิร์ฟกับวานิลลาซอสหรือไอศกรีมวานิลลาซึ่งบอกเลยว่าเมนูนี้ได้ลองทานแล้ว จะต้องมัดใจคนแน่นอน

เค้กแบล็คฟอเรสต์

7.เค้กแบล็คฟอเรสต์ (Black Forest Cake) เค้กจากป่าดำ

เค้กชนิดนี้มีต้นกำเนิดที่เมืองไฟรบวร์ก อิมไบรส์เกา (Freiburg im Breisgau) เป็นเมืองขนาดกลาง ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นบาเด็น-เวือร์ทเท็มแบร์ก (Baden-Wuerttemberg) ใกล้ชายแดนประเทศฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไรน์

เค้กป่าดำนั้น ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Black Forest Cake ส่วนในภาษาเยอรมัน เรียกว่า ชวาร์สเวลเดอร์ เคียร์ชทอร์เท่อ (Schwarzwälder Kirschtorte) แปลว่า เค้กเชอร์รี่ป่าดำ

เค้กแบล็คฟอเรสต์ (Black Forest Cake) เป็นเค้กเนื้อช็อคโกแลต มีหลายชั้นโดยจะสลับกับชั้นครีมสดสีขาว และสอดแทรกด้วยเชอร์รี่เชื่อมสุดหวานฉ่ำ

บางครั้งก็จะใช้เชอร์รี่ที่มีความเปรี้ยวเพื่อตัดความเลี่ยน จึงทำให้มีรสชาติเข้มข้นของเนื้อเค้กช็อคโกแลต ตัดกับความเปรี้ยวของเชอรี่

สูตรแบบดั้งเดิมของเค้กชนิดนี้ ต้องใส่ Kirschwasser (เหล้าที่ทำจากเชอร์รี่) ลงไปในเนื้อเค้ก ซึ่งให้รสชาติที่แปลกแตกต่างไปจากของหวานอื่นๆ หรือจะเอาแบบดั้งเดิมมากกว่านั้นเชอร์รี่ที่ใช้ประดับอยู่บนตัวเค้กต้องเป็นเชอร์รี่ดำด้วย

ไอศครีมอิตาเลียน

8.Gelato หรือ ไอศครีมอิตาเลียน

เป็นไอศกรีมประเภทหนึ่งที่มีต้นกำเนิดในประเทศอิตาลี  โดยคำว่า “Gelato”  เป็นภาษาอิตาเลี่ยน มาจากคำว่า “frozen” หรือผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็ง เป็นไอศกรีมที่มีแคลอรี่ต่ำ

รสชาติของเจลาโต้มีความชัดเจน รสกาแฟ ก็เหมือนได้ดื่มกาแฟแท้ๆ รสนมสด ก็ได้รับรสชาติของนมสดอย่างชัดเจน นอกจากนี้ เนื้อเจลาโต้มีปริมาณของอากาศน้อยกว่าไอศกรีมทั่วไป ซึ่งทำให้เจลาโต้มีเนื้อแน่น เนียนนุ่มลิ้น ซึ่งเราสามารถหาซื้อเจลาโต้แสนอร่อยได้ทั่วไปทั้งอิตาลี แต่ละร้านก็งัดฝีมือมาประชันกัน

มีการตกแต่งเจลาโต้ให้สวยงามน่ากินแบบไม่มีใครยอมแพ้ใคร แนะนำร้านเจลาโต้ชื่อดังในอิตาลี ร้านไหนที่ไปแล้วต้องกินให้ได้ 1.ร้านเจลาโต้ Gelateria La Carraia ฟลอเรนซ์ อยู่แถวๆ สะพานชื่อดัง Ponte alla Carraia La Carraia เพราะเป็นเจ้าดังของที่นี่เลย

ด้วยรสชาติเข้มข้นนุ่มละมุนลิ้น เดินเล่นไปกินไปชมวิวแถวสะพานแบบฟินๆกันไปเลย 2.ร้าน Vivoli ฟลอเรนซ์ ร้านเจลาโต้เก่าแก่ดั้งเดิมในฟลอเรนซ์ ก็ต้องที่ร้าน Vivoli เป็นร้านที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปี 1929 ร้านนี้คนอิตาเลี่ยนเค้ารู้ดีว่าอร่อยจริง ไม่อย่างงั้นคงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้

เจลาโต้ที่นี่เค้าไม่ได้ใส่โคนแต่จะตักใส่ถ้วย 3.ร้าน Caruso  โรม เป็นร้านเจลาโต้ชื่อดังของกรุงโรม อิตาลี รับประกันความสดใหม่ด้วยการมีการต่อแถวรอซื้ออยู่ตลอดเวลา ที่ร้านจึงมีการทำเจลโต้ใหม่แบบวันต่อวันกันเลยทีเดียว และด้วยความสดนี้ รสดังก็ต้องเป็นรสผลไม้ รวมถึงการเพิ่มท็อปปิ้งผลไม้สดๆ ที่มีให้เลือกหลายชนิด

4.ร้าน Cioccolati Italiani  ที่มิลาน ต้องพูดถึงร้านในมิลานอีกสักร้าน เพราะถือว่า ร้าน Cioccolati Italiani เป็นร้านที่หาไม่ยากเพราะอยู่ถนนเส้นใกล้ๆ กับวิหารดูโอโม่ แต่มาร้านนี้อาจจะต้องใจเย็นสักหน่อย เพราะคนแน่นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน รสแนะนำคือ pistachio ที่หลายรีวิวบอกว่ายกให้เป็น the best


Ultimate Journey รับจัดกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวทั่วโลก กรุ๊ปเหมาดูงาน-สัมมนา-คุณภาพดีเยี่ยม เที่ยวครบ จบทุกเส้นทาง

☎️ โทร : 02-334-0081
📱 สายด่วน : 098 961 9000
📥 inbox : m.me/Ultimate
📥 Line : @ultimate.bkk (มี@ ข้างหน้าด้วยนะคะ

บทความอื่น ๆ

ทัวร์ฟินแลนด์

7 สถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศฟินแลนด์

ฟินแลนด์ดินแดนบ้านเกิดซานตาคลอส เป็นประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป ใกล้กับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย ฟินแลนด์เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลสาบและภูเขา การท่องเที่ยวฟินแลนด์ส่วนใหญ่จึงเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินั่นเอง ฟินแลนด์มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สวัสดิการดูแลสุขภาพฟรี รวมถึงระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวของฟินแลนด์มาฝากทุกคนกัน ว่าประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เขามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง 1.เฮลซิงกิ (Helsinki) ธิดาแห่งทะเลบอลติก เฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เฮลซิงกิเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ ๆ ไม่กี่แห่งในยุโรปที่มีโอกาสได้เห็นหิมะตกในวันคริสต์มาส และเป็นอีกหนึ่งเมืองของประเทศแถบนอร์ดิกที่รุ่มรวยวัฒนธรรมและเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามน่าสนใจ เป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์นิกายลูเธอร์รัน เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก มีความงดงาม คลาสสิก สร้างตามสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ มหาวิหารแห่งนี้เป็นหน

colosseum rome

โคลอสเซียม Colossuem 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก!!!

วันนี้ Ultimate Journey จะพาทุกคนไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่นึง ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองกรุงโรม นั่นก็คือโคลอสเซียมนั่นเอง โคลอสเซียมถือเป็นสัญลักษณ์หลักของกรุงโรม และเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าประทับใจที่มีประวัติศาสตร์เกือบ 2,000 ปี เราไปดูกันดีกว่าว่าโคลอสเซียมมีประวัติความเป็นมาอย่างไร และทำไมถึงกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ใครไปอิตาลีต้องถือว่าห้ามพลาด  ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เราจะนำทุกคนกลับไปสู่ในช่วงเวลาของจักรวรรดิโรมัน โคลอสเซียมก่อสร้างขึ้นในปี 72 ภายใต้จักรวรรดิเวสปาเซียน และเสร็จสิ้นในปี 80 ระหว่างการปกครองของจักรพรรดิติตัส หลังจากสร้างเสร็จสิ้น โคลอสเซียมกลายเป็นโรงละครโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีความยาว 188 เมตร กว้าง 156 เมตร สูง 57 เมตร โคลอสเซียมในอดีต โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของเวสปาเรียน จักรพรรดิโรม พระองค์เริ่มครองราชย์ในปี ค.ศ. 69 และด้วยความต้องการที่จะหล่อหลอมราชวงศ์ขึ้นใหม่สำหรับตระกูลของพระองค์ จึงริเริ่มการก่อสร้าง Mega Projectขึ้น โคลอสเซียมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น และนี่ทำให้โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาของโรมที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุด

ทัวร์สวีเดน

10 สถานที่น่าเที่ยวใน สวีเดน ที่คุณต้องไปสักครั้ง

สวีเดนเป็นประเทศที่ใครหลายๆ คนคงจะคุ้นเคย และอยากจะลองไปดูสักครั้ง ก่อนที่จะไป ตอนนี้คุณคงจะค้นหาสถานที่ที่น่าไปท่องเที่ยวของสวีเดนอยู่ใช่ไหมล่ะคะ เราได้เตรียม 10 สถานที่น่าเที่ยวในสวีเดน ที่คุณต้องไปสักครั้ง มาให้คุณเลือกไว้จดในแพลนการท่องเที่ยวของคุณเรียบร้อยแล้วค่ะ เอาล่ะ ไปเลือกกันเลยดีกว่าค่ะ 1.พระราชวังกรุงสตอกโฮล์ม (Stockholm Royal Palace) ในภาษาสวีดิชจะเรียกว่า Stockholms Slott นั้นตั้งอยู่ที่ Gamla Stan (Old Town) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 นาทีโดยการเดินเท้า พระราชวังสตอกโฮล์มสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมบาโรก พระราชวังมีความสูงถึง 7 ชั้น มีห้องต่างๆ ถึง 600 ห้อง ตกแต่งแบบดั้งเดิม ผนังประดับด้วยภาพเขียน ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์อยู่สองแห่งทั้งในส่วนของ Gustav III’s Museum of Antiquities ซึ่งจะมีประติมากรรมสไตล์อิตาเลียนกว่า 200 ชิ้น ส่วนพิพิธภัณฑ์ Tre Kronor นั้นจะเป็นการจัดเเสดงเรื่องราวของเหตุการณ์ไฟไหม้พระราชวังในปี ค.ศ.1697 มีความเก่าเเก่เเละมีความสวยงามพร้อมกับความสำคัญอย่างมาก เเละที่พลาดไม่ได้คือการมาชมการเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์สวีเดนที่จะใช้เว