ติดต่อสอบถาม

เปิดให้บริการ จันทร์ - ศุกร์ 09.30 - 18.30 น.

เสาร์ 09.30 - 15.30 น.

เวนิส ประเทศอิตาลี เมืองแห่งสายน้ำ ถิ่นกำเนิดของ Romeo and Juliet ดินแดนสุดแสนโรแมนติก ที่ใครไปต้องหลงรัก

เวนิส อิตาลี

คุณเชื่อไหมคะว่า เวนิส ประเทศอิตาลี เป็นเส้นทางในฝันของนักท่องเที่ยวหลายคนคงหนีไม่พ้น ทวีปยุโรป ประเทศที่มีบ้านเมืองและธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศแตกต่างไปจากบ้านเรามากๆ

ถ้าใครอยากไปท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ รับรองว่าสวยงามน่าประทับใจจนอยากกลับไปเยือนซ้ำ แน่นอน เพราะวันนี้ อัลติเมท เจอร์นี่ จะพาทุกคนไปเยี่ยมดินแดนสุดแสนโรแมนติกอันดับต้นๆของโลก

นั่นก็คือ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เมืองแห่งสายน้ำที่มีคลองไหลผ่านกลาง การเดินทางที่ใช้เรือเป็นหลัก นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมของบ้านเมืองที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีอะไรๆ ที่พิเศษอีกมากมายรอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส และตามไปเที่ยวกันชื่นชมดินแดน  สุดแสนโรแมนติกแห่งนี้กันค่ะ

เมืองเวนิส

เวนิส หรือ เวเนเซีย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยมากอีกเมืองหนึ่งในประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีคลองเยอะที่สุดในโลก และได้รับฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)

นอกจากนั้นองค์การ unesco ยกให้เมืองเวนิส เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกอีกด้วย ฟังแล้วน่าไปเที่ยว ไปสัมผัสมากเลยใช่ไหมละคะ และเมืองเวนิสยังเป็นเป็นเมืองที่มีการคมนาคมโดยเรือเป็นยานพาหนะหลัก เรียกได้ว่ามีคลองมากกว่าถนนอีกค่ะ

นอกจากนั้นเวนิสยังเป็นที่รู้จักจาก เรื่อง พ่อค้าแห่งเวนิส บทประพันธ์ของ วิลเลียม เชคสเปียร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงนำมาประพันธ์เป็นบทละครชื่อ เวนิสวานิช และอีกหนึ่งบทประพันธ์ที่มีชื่อเสียงก้องโลกที่สุดคือ Romeo and Juliet ที่เชื่อกันว่า เวนิส เป็นถิ่นกำเนิดของทั้งคู่  นั่นจึงทำให้เวนิสเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดแสนโรแมนติกที่สุดในโลก

ในบทความนี้ เราจะเริ่มการเดินทางผ่านสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเวนิส สถานที่ที่จะทำให้หัวใจของคุณหยุดเต้น กระตุ้นความรู้สึกพิศวง และทำให้คุณรู้สึกประทับใจจนล้นทะลักความรู้สึกออกมา

คุณพร้อมจะซึมซับความงดงามอันน่าหลงใหลของเวนิสหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้วจงหยิบแผนที่ สวมหมวกนักสำรวจของคุณ และดำลึกเข้าไปในโลกที่น่าหลงใหลของเวนิส การผจญภัยของเวเนเชียนที่กำลังรอเราอยู่กันเลย!

1. Basilica Di San Marco

เมื่อก้าวเข้าสู่ใจกลางกรุงเวนิส เราจะอดใจไม่ได้ที่จะไม่หลงใหลไปกับความอลังการของมหาวิหารเซนต์มาร์คซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิส  หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์ทองคำ มีชื่อเสียงในด้านความโดดเด่นของกระเบื้องโมเสกสีทอง

เป็นสถานที่ที่จับตามองในโลกของศิลปะ หลังคาของมหาวิหารประกอบด้วยโดมใหญ่ 5 โดม ซึ่งเป็นแบบสุเหร่าของศาสนาอิสลาม นอกจากการผสมผสานของศิลปะแต่ละแบบแล้ว ตามจุดต่างๆ ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งมหาวิหารไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ทางศาสนา แต่เป็นสมบัติล้ำค่าของศิลปะและประวัติศาสตร์

ขณะที่คุณเดินสำรวจภายในอันกว้างใหญ่ คุณจะพบกับผลงานชิ้นเอกจากศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคเรอเนสซองส์ การเล่นของแสงผ่านหน้าต่างกระจก สีของมันสร้างบรรยากาศที่สวยงามเหมือนกับไม่มีอยู่จริง สิ่งนี้ทำให้มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเวนิส

2. Church of San Giorgio Maggiore

โบสถ์ซาน จอร์จิโอ แมกจิโอเร เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ในเกาะเล็กๆทางตอนใต้ของเมืองเวนิสมีจุดชมวิวที่น่าสนใจ  ด้านหน้าอาคารมีสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิก อันเดรีย ปัลลาดิโอ  ตัดกันอย่างสวยงามกับผืนน้ำทะเลสีฟ้าของทะเลสาบ

ถ้าคุณเดินทางเรือคุณจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโบสถ์ นั่นทำให้มันเป็นจุดหมายปลายทางของเวนิสซึ่งยากที่จะพลาด ภายในโบสถ์เป็นสวรรค์แห่งความสงบ เพดานสูง เสาหินอ่อน และโบสถ์ที่เงียบสงบชวนผู้มาเยือนให้ใช้เวลาสักครู่และไตร่ตรองดูงานศิลปะ เพราศิลปะที่นี่มีความงดงามมาก

มีผลงานจากศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งจับใจความสำคัญของศิลปะทางศาสนาแบบเวเนเชียน และหอระฆังของโบสถ์สามารถมองเห็นเมืองเวนิสได้ทั้งเมือง  

รอบ ๆ โบสถ์ซาน จอร์จิโอ แมก จิ โอเร เป็นสถานที่พักผ่อนอันสงบสุขจากเกาะหลักที่มีคนพลุกพล่านของเมืองเวนิส ด้วยวิวที่สวยงามของเมืองนี้ มันจึงเป็นสถานที่ที่สามารถชื่นชมศิลปะ พักผ่อน และวิถีชีวิตที่เงียบสงบของชีวิตชาวเวเนเชียนได้อย่างแท้จริง

3. Doge’s Palace

ใจกลางเมืองเวนิส พระราชวังโดจตั้งอยู่สูงตระหง่าน ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมกอทิก เป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองของชาวเวเนเชียนมาหลายศตวรรษแล้ว บริเวณด้านหน้าจะประดับประดาด้วยหินอ่อนสีชมพูและสีขาวที่บอบบาง เป็นเครื่องพิสูจน์ความอุดมสมบูรณ์ของเมืองในช่วงยุคเฟื่องฟู

เมื่อเข้าไป ผู้มาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยบันไดอันยิ่งใหญ่และห้องกว้างซึ่งครั้งหนึ่งเคยสะท้อนให้เห็นถึงการตัดสินใจของผู้ปกครองเวนิส

ภายในของพระราชวังได้รับการประดับด้วยงานศิลปะโดยจิตรกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา นี่ทำให้มันเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งสำหรับผ็ที่ชื่นชอบงานศิลปะ แต่ละห้องจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตอันรุ่งโรจน์ของ เมืองเวนิส

พระราชวังไม่ได้มีแค่ความยิ่งใหญ่ แต่ยังมีคุกใต้ดินอันน่าขนลุกซึ่งเชื่อมต่อกับ Bridge of Sighs อันเลื่องชื่อทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนกับความงามของพระราชวัง

เพราะที่นี่เราสามารถมองเห็นด้านมืดของประวัติศาสตร์เวเนเชียนได้ เห็นได้ชัดว่าทำไมที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่จะได้เห็นในเวนิส มันเป็นการเดินทางผ่านกาลเวลา นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ของเมือง และที่นี่อาจเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดในเวนิสก็เป็นได้

4. Gallerie Dell’Accademia

ท่ามกลางคลองที่คดเคี้ยวและจัตุรัสทางประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิส มีขุมสมบัติของศิลปะที่ซ่อนอยู่ คือแกลเลอรี เดลล์ อะคาเดเมีย หอศิลป์แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารอันยิ่งใหญ่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสำนักสงฆ์ แกลเลอรีแห่งนี้เป็นการเฉลิมฉลองศิลปะและวัฒนธรรมของชาวเวนิส

จากวินาทีที่คุณก้าวเข้าไปข้างใน มันจะให้ความรู้สึกว่าคุณถูกส่งไปยังยุคที่เวนิสเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทางศิลปะ Gallerie Dell’Accademia ได้มีการจัดแสดงคอลเลกชันที่ครอบคลุมหลายศตวรรษ แสดงศิลปะในเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเวนิส ผลงานชิ้นเอกของศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น Titian, Bellini, and Veronese adorn วางประดับไว้อยู่บริเวณกำแพง

ซึ่งภาพวาดแต่ละภาพจะมาพร้อมด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนและสีสันสดใส บอกเรื่องราวเกี่ยวกับยุคทองของเวนิส แกลเลอรี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเมืองในการอนุรักษ์มรดกทางศิลปะที่อุดมสมบูรณ์ 

ขณะที่คุณเดินสำรวจห้องต่างๆ คุณจะประทับใจกับความงามของเวนิสที่ถ่ายทอดไว้ในงานศิลปะแต่ละชิ้น การเล่นแสง ภูมิทัศน์ที่สวยงาม รวมไปถึงภาพบุคคลที่สื่อถึงอารมณ์ที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างภาพที่ยอดเยี่ยม เป็นการเดินทางผ่านอดีตอันเลื่องชื่อของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นอดีตที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ศิลปินและนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

5. Grand Canal

กำลังมองหาสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเวนิสอยู่หรือป่าว? ห้ามพลาดเด็ดขาด! หัวใจของเมืองเวนิส นั่นก็คือ Grand Canal เป็นทางน้ำที่น่าประทับใจ

ซึ่งทอดตัวยาวผ่านเมืองนี้ สะท้อนให้เห็นชีวิตและประวัติศาสตร์อันมีชีวิตชีวาของจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนใคร ขณะที่คุณล่องไปตามสายน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ของพาลาซโซ สะพานประวัติศาสตร์ และตลาดที่พลุกพล่าน

โดยมีฉากหลังเป็นเส้นขอบฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ เราอดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์ทิวทัศน์ของเวนิสริมคลอง การเล่นแสงแดดบนผืนน้ำ เสียงเรือเบาๆ ที่แล่นผ่านไปมา และเสียงพูดคุยอันครึกครื้นจากร้านกาแฟริมแม่น้ำ สร้างบรรยากาศที่ทั้งมีชีวิตชีวา เปรียบเสมือนกับภาพวาดที่มีชีวิต

และวิถีชีวิตประจำวันของชาวเวเนเชียที่เผยให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา และท่ามกลางสถานที่สวยงามหลายแห่งในเวนิส Grand Canal เป็นสถานที่ที่พิเศษที่เป็นทางน้ำและเป็นสายเลือดของเมือง เพราะมันเชื่อมระหว่างย่านต่าง ๆ และใช้เป็นเส้นทางหลักของเมือง ทุกการเดินทางบนคลองจะให้มุมมองที่สดใหม่ และคุณจะได้ชื่นชมเสน่ห์และความงามของเวนิสอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

6. The Bridge of Sighs

หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองเวนิสคือ The Bridge of Sighs  หรือสะพานถอนลมหายใจ ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและประวัติศาสตร์ สะพานหินปูนที่ล้อมรอบด้วยหน้าต่างอันโอ่อ่า

การออกแบบแบบ บาโรก นี้ ครอบคลุมพื้นที่ Rio di Palazzo และเชื่อมต่อ Doge’s Palace ไปยังคุกใหม่ ชื่อของมันบ่งบอกถึงความปรารถนาและการอำลา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ผู้ต้องขังเดินก่อนจะถูกคุมขัง และเหลือบมองครั้งสุดท้ายของเมืองอันงดงามแห่งนี้

จึงเป็นที่มาของชื่อสะพานถอนลมหายใจตามความรู้สึกของนักโทษเหล่านั้นค่ะ ในบรรดาสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเวนิส สะพานถอนลมหายใจมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

ไม่ใช่แค่สิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม แต่เป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์อันอุดมสมบูรณ์ของเมืองเวนิส สะพานที่มองเห็นเรื่องราวความรัก ความสิ้นหวัง และความหวังมากมายนับไม่ถ้วน การเยี่ยมชมที่นี่คือการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองเวนิส เป็นช่วงเวลาที่สะท้อนถึงความงดงามที่อยู่เหนือกาลเวลาของเมืองและเรื่องราวที่ยังคงเล่าขานต่อไป

7. Piazza San Marco

Piazza San Marco! มักจะถูกขนานนามว่าเป็น ‘ห้องรับแขกของยุโรป’ จัตุรัสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งนี้เป็นแก่นแท้ของเวนิส ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางของการทำกิจกรรม

จุดชมวิวในเวนิส  จัตุรัสแห่งนี้ถือเป็นแหล่งรวมประสบการณ์ที่คุณต้องลิ้มลอง

สรุป

และนี่คือ เวนิส อิตาลี เมืองแห่งสายน้ำที่มีความสวยงามและสุดแสนโรแมนติกที่ Ultimate Journey อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยว ไปสัมผัสด้วยตัวเองกันสักครั้ง

นอกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามที่สามารถสร้างความประทับใจให้เราได้แล้วนั้น ยังรวมไปถึงเรื่องของคุณค่าของสายน้ำ ที่เป็นหัวใจหลักของการคมนาคมในเมืองแห่งนี้อีกด้วย

มาถึงตรงนี้แล้ว รีบไปชวนเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้ใจ ไปเที่ยวชมที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลีกันนะคะ ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง สามารถมาชมโปรแกรม ทัวร์ยุโรป อิตาลี เมืองเวนิชได้ที่ เพจUltimate Journey ค่ะ

ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม และกดแชร์ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดกับบทความใหม่ๆ แล้วครั้งหน้า Ultimate Journey จะพาไปไหน อย่าลืมรอติดตามกันด้วยน้า https://ultimatejourney.co.th/

บทความอื่น ๆ

Christmas Market

ฉลองเทศกาล Christmas ที่ประเทศเยอรมนี บอกเลยสายฝอ ห้ามพลาด!!

อีกไม่กี่วันเราก็จะเดินทางเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งเป็นเดือนแห่งความสุข ความอบอุ่น และก็มีวันที่ทุกคนรอคอยกันมากที่สุด คือวันคริสต์มาสนั่นเอง หากเพื่อนๆ ต้องการชวนใครไปฉลองวัน Christmas หลายๆท่านคงนึกถึง ทัวร์ยุโรป แน่ๆ แต่หากเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน? ถ้าเป็นอย่างนั้น เพื่อนๆ มาถูกที่แล้วค่ะ เพราะวันนี้ Ultimate Journey จะพาเพื่อนๆ ไปร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ ประเทศเยอรมนี กันค่ะ  Credit : https://www.flickr.com/ แบบว่าเอาใจสาว ๆ สายฝ. โดยเฉพาะคนที่เล็งหนุ่มเยอรมันไว้ เผื่อปลายปีนี้หนุ่ม ๆ จะชวนบินไปฉลองคริสต์มาสบ้านเขา เราจะได้เป๊ะ หรือใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเยอรมนีช่วงคริสต์มาสนี้ก็ห้ามพลาด รับรองว่าเพื่อนๆ จะได้เพลินเพลินไปกับบรรยากาศคริสต์มาสที่แสนอบอุ่น มาดูกันว่าประเพณีการฉลองคริสต์มาสแบบฉบับชาวเยอรมันนั้นทำอย่างไรบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วเตรียมตัวออกเดินทางได้!! ในวันที่ 6 ธันวาคม บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยถุงเท้าสำหรับใส่ของขวัญ เด็ก ๆในประเทศเยอรมนีจะได้รับถุงเท้าในวันนักบุญนิโคลัส วันที่ 6 ธันวาคม (เปิดเช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ

Top 10 Watch

TOP 10 นาฬิกาแบรนด์หรูที่แพงที่สุด

นาฬิกานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและสถานะอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีนาฬิกาแบรนด์ต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เพียงเท่านั้นที่ขึ้นชื่อเรื่องของงานฝีมืออันประณีตและราคาที่สูงลิ่ว โดยวันนี้พี่อัลติเมทเจอร์นี่จะพามาสำรวจแบรนด์นาฬิกาหรูประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ เยอรมัน ที่แพงที่สุด 10 อันดับแรก ที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและความหรูหรา ตั้งแต่ความคลาสสิกเหนือกาลเวลาไปจนถึงนวัตกรรมสมัยใหม่เลยทีเดียว แบรนด์เหล่านี้ได้ก้าวข้ามขอบเขตที่มีไว้เพียงแค่เครื่องมือบอกเวลาและได้สร้างมาตรฐานใหม่ในนาฬิกาสุดหรูนี้ แล้วจะรอกันอยู่ทำไม มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีแบรนด์อะไรบ้างงง 1.A.Lange & Söhne Credit : https://www.alange-soehne.com/ A.Lange & Söhne แบรนด์นาฬิกาประเทศเยอรมัน ตัวแบรนด์นี้มีชื่อเสียงในเรื่องของความแม่นยำและการดีไซน์ที่ซับซ้อน นักสะสมต่างก็พากันมองหาพวกรุ่นลิมิเต็ดกันทั้งนั้น ซึ่งอาจจะมีราคามากถึงหลักล้านยูโร ตัวบริษัทนั้นโด่งดังขึ้นมาจากตัวนาฬิกา อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีรูปแบบของหน้าปัดที่ไม่เหมือนใครและการแสดงวันที่ขนาดใหญ่ กลไกอันซับซ้อนของ

Marry Christmas.

ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส?

เทศกาลแห่งความรักความอบอุ่น คริสต์มาสต์ (Christmas) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองอันศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี เป็นเวลากว่าสองพันปีที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้าสังเกตประเพณีและการปฏิบัติที่มีทั้งทางศาสนาและทางโลก ชาวคริสต์เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเป็นวันครบรอบการประสูติของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสทางโลกนี้ บุคคลในตำนานชื่อซานตาคลอสมีบทบาทสำคัญ และมีที่ไหนจัดเทศกาลคริสต์มาสได้ดีไปกว่าประเทศในโซนยุโรป เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนไปเที่ยว ทัวร์ยุโรป กันมากที่สุด เราไปอ่านประวัติวันคริสต์มาสต์กันต่อ ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส? คำว่า Christmas  เป็นการผสมผสานระหว่าง คำว่า Christes และ Maesse ที่แปลว่า “พิธีมิสซาของพระคริสต์” พบครั้งแรก ในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจ คริสต์มาส มาร์เก็ต ที่ห้ามพลาดในยุโรป ทัวร์ยุโรปตะวันออก https://ultimatejourney.co.th/tour_category/toureurope/page/6/ คริสต์มา