ติดต่อสอบถาม

เปิดให้บริการ จันทร์ - ศุกร์ 09.30 - 18.30 น.

เสาร์ 09.30 - 15.30 น.

รู้ไหมว่า หอไอเฟล มีความลับอะไรซ่อนอยู่?

หอไอเฟล

เพื่อนๆ รู้ไหมว่า หอไอเฟล มีอะไรซ่อนอยู่? อัลติเมท เจอร์นี่ จะพาไปค้นคว้าหาความลับที่ซ่อนอยู่ของสถานที่นี่กันค่ะ ว่าเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่มีความงดงาม ยิ่งใหญ่ โดดเด่นที่สุดในโลก

นอกจากนั้นยังเป็นแลนด์มาร์กและสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าหอไอเฟลคืออะไร แล้วมันเอาไว้ทำอะไร

หอไอเฟล มีอะไร

ทำไมคนถึงชอบไปถ่ายรูป ไปเช็คอินที่หอไอเฟลเยอะแยะไปหมด นอกจากนั้นที่หอไอเฟลยังมีความลับซ่อนอยู่ เพื่อนๆ อยากรู้ไหมคะว่า หอไอเฟล มีความลับอะไรซ่อนอยู่  ถ้าอยากรู้แล้วจงสวมวิญญาณโคนัน แล้วตามพี่อัลติเมทมาเลยยยย

ประวัติ หอไอเฟล

เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของโลกมานานแล้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความ โรแมนติกแสงสว่าง และความมั่งคั่งแห่งเมืองนี้ โดยตั้งชื่อตามกุสตาฟ ไอเฟล สถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส และเป็นผู้ออกแบบหอคอยนี้อีกด้วย

หอคอยแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของงาน World’s Fair ปี 1889 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกและเฉลิมฉลองวันครบรอบร้อยปีของการปฏิวัติฝรั่งเศสและเพื่อแสดงความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความสวยทางศิลปะสถาปัตยกรรม

ประวัติ หอไอเฟล

การก่อสร้างได้ดำเนินมาเรื่อยๆจนกระทั่งหอคอยนี้สร้างเสร็จหลังจากสองปี สองเดือน และห้าวันถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของความแม่นยำและความเร็วในการก่อสร้าง โดยบริษัทวิศวกรรมโยธาของกุสตาฟ ได้ใช้เหล็กในการก่อสร้างถึง 7,300 ตัน และ หมุดย้ำอีก 2.5 ล้านตัว  ในปีค.ศ. 2006

มีนักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย

นอกจากเป็นสถานที่สำคัญแล้ว มันยังมีอะไรมากกว่าคุณที่เห็น แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าชมตั้งแต่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็ยังคงมีความลับบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนซ่อนอยู่

1.บนชั้นบนสุดของหอไอเฟลมีเพนท์เฮ้าส์อพาร์ทเมนท์อยู่

กุสตาฟ ไอเฟลได้สงวนชั้นบนสุดของหอคอยไว้สำหรับตัวเขาเอง ซึ่งเขาต้อนรับแขกที่มีชื่อเสียงอย่างโทมัส เอดิสัน ในอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวที่เขาออกแบบ

ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงานการจำลองของหอไอเฟล และภายในห้องทำงานก็จะมีหุ่นขี้ผึ้งของกุสตาฟ ไอเฟล ลูกสาวของเขา และเอดิสัน ปัจจุบันสามารถเปิดให้เข้าชมได้

เข้าชมหอไอเฟล

2.ผู้ออกแบบหอไอเฟลไม่ใช่ กุสตาฟ ไอเฟล

พวกเขายังจ้างสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Stephen Sauvestre มาช่วยออกแบบหอคอย

ชาวฝรั่งเศส

ทีมงานได้ร่วมมือกันเพื่อออกแบบโครงสร้างที่มีความแข็งแกร่งและมีศิลปะที่น่าดึงดูดใจ  ในที่สุดการออกแบบของพวกเขาก็ชนะโครงการอื่นๆ กว่า 106 โครงการในการแข่งขันเพื่อเลือกผลงานชิ้นเอกของงาน World’s Fair ปี 1889  

ด้วยเหตุนี้ หอคอยจึงได้รับการตั้งชื่อตามไอเฟลเพื่อเป็นเกียรติแก่การมีส่วนร่วมในโครงการและสถานะของเขาในฐานะนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเวลานั้นนั่นเองค่ะ

3.หอไอเฟลจะถูกรื้อถอนหลังจากผ่านไป 20 ปี

หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์คือสร้างขึ้นสำหรับงานWorld’s Fair ปี 1889 แต่แผนคือรื้อถอนหอคอยนี้หลังจากผ่านไป 20 ปี แต่เพื่อป้องกันไม่ให้หอคอยพังยับเยิน กุสตาฟ ไอเฟลก็ได้คิดแผนอันชาญฉลาดขึ้นมา

กุสตาฟ ไอเฟล

นั่นก็คือ  เขาแนะนำให้ใช้หอคอยเป็นเสาอากาศวิทยุและเครื่องส่งโทรเลขไร้สาย ซึ่งนั่นมันทำให้หอไอเฟลมีประโยชน์สำหรับการศึกษาและการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ หลังจากที่พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ของวิทยุต่อรัฐบาลในปี 1910 ไอเฟลได้รับการต่ออายุสัญญาเช่า 70 ปี แน่นอน

สัญลักษณ์
ปารีส

พอถึงปี 1980 หอคอยแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ที่น่าจดจำของทั้งปารีสและฝรั่งเศส และหอไอเฟลก็รอดพ้นจากการรื้อถอน ในปัจจุบันหอไอเฟลยังคงเป็นสถานีส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ค่ะ

4.หอไอเฟลเคยเกือบถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองโดยฮิตเลอร

ในเดือนสิงหาคม ปี1944 ขณะที่พวกนาซีควบคุมกรุงปารีสไม่ได้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์จึงสั่งให้นายพลของเขาคุมเมืองนี้ มีการวางแผนที่จะขุดหอไอเฟลด้วยระเบิด โชคดีที่กองทหารสัมพันธมิตรเข้าจู่โจมก่อนที่คำสั่งจะดำเนินการได้ การจู่โจมทางอากาศในกรุงปารีสภายหลังก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก แต่หอไอเฟลก็ไม่ได้รับความเสียหาย พังหรือบุบสลายไป

5.หอไอเฟลเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์และโรงละคร

หอคอยแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของธุรกิจหลายแห่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายแห่งได้หายไปแล้ว รวมถึงหนังสือพิมพ์ “Le Figaro” ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ชั้นสองเป็นเวลาหกเดือนในระหว่างงาน World’s Fair ปี 1889, หากคุณเข้าไปข้างในบริเวณชั้น1 จะเห็นที่ทำการไปรษณีย์และโรงละครไม้ที่ออกแบบโดย ซาวเวสต์เตอร์

6.หอไอเฟลสูงขึ้น!!!

ถึงแม้ว่าโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่จะทนทานต่อลมและการสั่นสะเทือนจากพายุ อย่างไรก็ตาม ลมไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะทำให้หอคอยขนาดใหญ่นี้เปลี่ยนความสูงได้  หอไอเฟลจะปรับตัวตามสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ    

ซึ่งความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้เหล็กขยายตัว ทำให้หอคอยสูงขึ้นไม่กี่เซนติเมตรในช่วงฤดูร้อนและเอนห่างจากดวงอาทิตย์เล็กน้อย

7.มีชื่อสลักอยู่บนหอไอเฟล

ชื่อของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรชาวฝรั่งเศสที่ช่วยกันสร้างหอไอเฟลในศตวรรษที่ 19  จะไม่ถูกลืมในประวัติศาสตร์ เพราะได้มีการสลักชื่อไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ มีการสลักชื่อถึง 72 ชื่อ รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น Foucault, Dumas และ Perrier อีกด้วย

ในตอนแรกได้มีการซ่อนชื่อสลักเอาไว้ แต่ต่อมาชื่อสลักนี้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบูรณะหอไอเฟล นั่นจึงทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถชมและรำลึกถึงผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์การก่อสร้างหอคอยแห่งนี้

8.การดูแลบำรุงรักษาหอไอเฟล

ทุก ๆ 7 ปีคนงานจะใช้สีประมาณ 60 ตันกับหอคอย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หอไอเฟลดูดีเปล่งประกายสดใส แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เหล็กเกิดสนิม กระบวนการลงสีจะใช้เวลากว่าหนึ่งปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ และต้องใช้ทีมจิตรกรที่มีทักษะในการลงสีด้วยมือทีละชั้น

ถึงแม้จะต้องใช้สีจำนวนมาก แต่สีที่เลือกสำหรับหอคอยได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่า “หอไอเฟลสีน้ำตาล” และมันกลายเป็นภาพลักษณ์ของกรุงปารีสไปแล้ว

9.แสงไฟระยิบระยับของหอไอเฟลเป็นงานศิลปะที่มีลิขสิทธิ์

การแสดงแสงระยิบระยับครั้งแรกของหอคอยเกิดขึ้นพร้อมกับ International Exhibition of Modern Decorative และ Industrial Arts  ในปี 1925 ผู้ผลิตรถยนต์ Andre Citröen ให้ทุนสนับสนุนการแสดงหลอดไฟ 200,000 หลอดที่มีดวงดาวสลับสัญลักษณ์จักรราศีดาวหาง

ชื่อแบรนด์รถยนต์ของเขาในตอนจบ แต่การแสดงแสงระยิบระยับที่มีชื่อเสียงในขณะนี้ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ 20,000 หลอดจุดไฟบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในวันส่งท้ายปีเก่าปี 1999 เพื่อเฉลิมฉลองในสหัสวรรษใหม่ แม้ว่าตัวหอคอยจะเป็นสาธารณสมบัติ แต่การส่องสว่างของหอคอยได้รับการคุ้มครองโดยลิขสิทธิ์ภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส 

อย่างไรก็ตามอย่าโทรหาทนายความของคุณเพราะสิ่งนี้เลยฝ่ายบริหารของหอไอเฟลหรือที่เรียกว่า SETE มีอำนาจในการตัดสินใจว่าสามารถใช้ภาพถ่ายระดับมืออาชีพหรือเชิงพาณิชย์ของหอคอยและแสงไฟได้ สิ่งนี้ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส

10.หอไอเฟลถูกขอแต่งงาน

เป็นหนึ่งในข้อเท็จจริงที่น่าสนุกเกี่ยวกับหอไอเฟลและอาจทำให้หลาย ๆ คนประหลาดใจ ที่ได้ยินว่าหอไอเฟลแต่งงานแล้ว!  Erika LaBrie หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ Erika Eiffel แชมป์เปี้ยนนักยิงธนูและผู้สนับสนุนเรื่องเพศวัตถุ

ทำพิธีแต่งงานกับหอไอเฟลในปี 2007 ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชมและพิศวง แม้ว่าจะฟังดูแปลกสำหรับบางคน แต่เรื่องราวของเอริกาก็แสดงให้เห็นว่ามีหลากหลายวิธีที่แต่ละบุคคลสามารถพบเจอกับความรักและความผูกพันธ์ในชีวิตของพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่คุณเห็นแล้วรู้สึกถูกชะตา และตกหลุมรัก

หอไอเฟลแต่งงาน

สรุป

เป็นความลับที่ไม่ลับจริงๆนะคะ สำหรับหอไอเฟล ซึ่งบางข้อเพื่อนๆ อาจจะรู้อยู่แล้ว แต่พี่อัลติเมทไม่รู้เลยสักข้อค่ะ55555 บางความลับนี่พอรู้แล้วอึ้งมากๆ เลยนะคะ

หากเพื่อนๆ มีแพลนที่จะไปเที่ยวที่ปารีส ก็อย่าลืมไปเช็คอิน ถ่ายรูปที่หอไอเฟล แล้วสังเกตด้วยน้า ว่ามันมีความลับแบบที่พี่อัลติเมทเอามาฝากหรือเปล่า หรือสามารถมาชมโปรแกรมทัวร์ฝรั่งเศสได้ที่เพจ Ultimate Journey เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการท่องเที่ยวนะคะ หากชอบบทความแบบนี้อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม แล้วจะมาพบกันใหม่ครั้งหน้า วันนี้ไปแล้ว สวัสดีค่า

บทความอื่น ๆ

การเตรียมตัวไปเที่ยวยุโรป สิ่งที่นักท่องเที่ยวควรรู้ก่อนเดินทาง

ก่อนที่เราจะเดินทางเที่ยวยุโรป สิ่งสำคัญที่สุดนั่นก็คือการเตรียมตัวให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ถ้าพลาดก็ขอให้พลาดน้อยที่สุด มิเช่นนั้นอาจจะทำให้มีปัญหาในภายหลังก็ได้ ที่ต้องห่วงเรื่องนี้เพราะเป็นการเดินทางไกล ไปต่างถิ่น ที่อื่นอาจจะไม่เหมือนบ้านเรา วันนี้อัลติเมทจะพามารู้เกี่ยวกับ…. 9 ข้อควรเตรียมตัวเผื่อไว้หากได้ไปเที่ยวยุโรป 1.เวลา มาเริ่มที่สิ่งแรกที่ควรรู้กัน อย่างที่รู้กันว่าการข้ามไปอีกซีกโลก ต้องใช้เวลาในการบินข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 10 ชั่วโมง ถ้าจะให้ปรับตัวเร็วเหมือนเที่ยวเอเชียคงยากเพราะเวลามันต่างกันมากๆ อย่างนั้นควรเตรียมตัวเที่ยวยุโรป ควรรู้เรื่อง Time Zone ของประเทศที่เราไปให้ดี และควรจัดเวลานอนให้ตรงตาม Time Zone แรกๆ ก็คงมีอาการมึนๆอยู่บ้างแต่หลังๆมาจะปรับตัวได้เองค่ะ เลยอยากจะแนะนำให้นอนดึกใน 2 วันแรก  และอย่านอนกลางวัน ไม่งั้นร่างกายจะแย่และปรับตัวยากค่ะ 2. กระเป๋าเดินทาง มาถึงข้อที่สองที่ควรรู้ การไปเที่ยวยุโรปคนส่วนใหญ่จะชอบไปกันในช่วงฤดูหนาว เลยทำให้ต้องเอาเสื้อกันหนาวหนาๆกันไปหลายตัว แล้วยิ่งใครที่ชื่นชอบในการแต่งตัวละก็ คงเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนถ่ายรูปเล่นฉ่

Avatar

เที่ยวตามรอยหนังดัง 8 สถานที่ถ่ายทำจริง ที่สวยตะลึงจนต้องไปสักครั้งในชีวิต

เมื่อวันก่อนว่างๆเลยเปิดหนังดูค่ะ เห็นสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะไปหมด แล้วก็น่าไปมากๆ วันนี้พี่อัลติเมทเลยอยากจะมาแนะนำหนังและสถานที่สวยๆค่ะ รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ดูแล้วจะได้แรงบันดาลใจในการท่องเที่ยว และอยากที่จะเพิ่มสถานที่ในหนังเข้าไปใน List เที่ยวตามรอยหนังดัง 8 สถานที่ถ่ายทำจริง การเดินทางที่ต้องไปสักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน เราไปดูกันค่ะว่าจะมีหนังเรื่องอะไร และมีสถานที่ไหนบ้างที่เป็นฉากต่างๆ ในหนังดัง ตามไปดูกันคะ คาร์มาทาช จากภาพยนตร์เรื่อง Dr.Strange เรามาเริ่มด้วยเรื่องแรกกันเลยค่ะ คาร์มาทาช จากเรื่อง Dr.Strange เรื่องราวของคุณหมอ สตีเฟน สเตรนจ์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบประสาทที่มีฝีมือเก่งเกินมนุษย์แต่ดันมาประสบอุบัติเหตุทำให้มือใช้การไม่ได้ จนต้องตัดสินใจไปรักษามือที่ธิเบต จนได้ไปเจอกับอาจารย์แม่ชี  The Ancient One (ทิลด้า สวินตัน) ได้ฝึกวิชาจนกลายมาเป็น Doctor Strange ในที่สุด จอมเวทย์ ซุปเปอร์ฮีโร่สังกัด Marvel ฉากที่เรายกมาคือฉาก คาร์มาทาช เป็นที่พำนักหลักของจอมเวทย์สูงสุด หรือ Sorcerer Supreme เป็นชุมชนของเหล่าจอมเวทย์ที่เข้ามาเรียนรู้ศาสตร์วิชาต่างๆค่ะ ซึ่งก็ไ

Louvre Museum

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) รูปทรงพีระมิด แลนมาร์ค ณ ใจกลางกรุงปารีส

นึกถึงฝรั่งเศส หลายคนคงนึกถึงภาพวาด รูปปั้น งานศิลปะต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังมากมาย แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่างานศิลปะเหล่านี้ถูกจัดแสดงที่ไหน..? ถ้าใครไม่รู้ วันนี้พี่อัลติเมทจะมาเฉลยให้ทุกคนฟัง สถานที่ที่จัดแสดงงานศิลปะชื่อดังมากมายนั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เราไปดูกันดีกว่าว่าที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจบ้างถึงได้ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มลูฟวร์นั้นเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ในปีค.ศ. 1190 แต่พอมีการสร้างวังขึ้นใหม่ในสไตล์เรเนซองส์แทนป้อมเก่าที่ถูกรื้อทิ้ง ราชวงศ์ฝรั่งเศสจึงมาพำนักที่วังในกรุงปารีสมากขึ้น กษัตริย์แต่ละองค์ก็ได้มีการต่อเติมให้พระราชวังมีความโอ่อ่ามากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมีการปฏิวัติฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระราชวังลูฟวร์ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์แทน โดยภายในนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ปีก ได้แก่ Richelieu ที่อยู่ทางทิศเหนือ Sully อาคารสี่เหลี่ยมที่อยู่ทางทิศตะวันออก และ Denon ที่อยู่ทางทิศใต้ขนานกับแม่น้ำแซน ในแต่ละปีกเองได้แบ่งเป็นสัดส่วน