ติดต่อสอบถาม

เปิดให้บริการ จันทร์ - ศุกร์ 09.30 - 18.30 น.

เสาร์ 09.30 - 15.30 น.

รีวิวที่พัก ระดับ 5 ดาว ของยุโรป ที่ไม่พักไม่ได้แล้ว!

รีวิวที่พัก ยุโรป

ถ้าให้พูดถึงโรงแรมและสถานที่พูดได้เลยว่าที่พักทั่งฝั่งโซนยุโรปก็สำคัญไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวเลย เพราะประเทศทางฝั่งยุโรปเป็นที่ฮอตฮิตมากๆสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าใครมาทัวร์ยุโรปเที่ยวก็ตามก็ต้องหวังเรื่องที่พักที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว วันนี้ อัลติเมท เจอร์นี่ จึงอยากมาแนะนำ..

9 โรงแรมระดับ 5 ดาวของอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส ที่ถ้าพลาดเป็นต้องเสียดาย!!

ประเทศอิตาลี

1. Turin Palace Hotel

เรามาเริ่มกันสถานที่พักสุดคลาสสิคที่ประเทศอิตาลีกัน Turin Palace Hotel ท่านจะได้พบกับการได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักที่น่าจดจำในบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยความน่าสนใจและความสะดวกสบายอย่างหาที่เทียบไม่ได้

Turin Palace Hotel

โรงแรมจะตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง Turin และท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามจากระเบียงที่ยอดเยี่ยมของทางโรงแรมได้เลย ห้องพักที่แสนสวยงามในอาคารเก่าแก่ปี 1870 ถูกปรับปรุงใหม่ภานในเร็วๆนี้ มีกลิ่นอายความลึกลับซับซ้อนเบาๆและยังมีความสง่างามอีก

Turin
Wellness Area

มีการต้อนรับแขกของโรงแรมในบรรยากาศของการพักผ่อนที่น่ารื่นรมย์ นอกจากนี้ Turin Palace Hotel ยังมีโอกาสฟื้นฟูร่างกายและจิตใจใน Wellness Area & Spa อันอบอุ่น และเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารรสเลิศด้วยการสร้างสรรค์อาหารชั้นเลิศที่ร้านอาหาร Les Petites Madeleines

2. Mazzarò Sea Palace – Retreats

เรายังอยู่กันที่ประเทศอิตาลีกันอยู่นะคะสถานที่ถัดมาก็คือ Mazzarò Sea Palace ตั้งอยู่เหนือหาด Mazzaarò Beach ในสถานที่ที่สวยงามที่สวยงามของ Taormina มีสระว่ายน้ำพร้อมได้ชมวิวทะเล และชายหาดส่วนตัวฟรี

ศูนย์สุขภาพของ Mazzarò Sea Palace มีบริการนวดและทรีทเมนท์สปาที่หลากหลาย และมีห้องอาบน้ำสไตล์ตุรกี ห้องพักที่ถูกตกแต่งใหม่ให้หรูหราและกว้างขวาง ในทุกห้องมีระเบียงและบางห้องมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง มีอินเทอร์เน็ตไร้สาย ฟรีทั่วบริเวณ

Mazzarò Sea Palace - Retreats

นอกจากนี้ยังมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอีกด้วย ท่านสามารถเดินทางไปยังใจกลางเมือง Taormina ได้โดยใช้รถเคเบิลซึ่งอยู่ไกลจาก Mazzarò Sea Palace  50 ม. ท่านสามารถจองทัวร์รอบซิซิลีและเอตนาได้ที่โรงแรม

3. Golden Tower Hotel & Spa

และมาปิดท้ายประเทศอิตาลีกันแล้วนะคะนั่นก็คือ Golden Tower เป็นโรงแรมบูติกหรูหรา ติดกับ Palazzo Strozzi ในพื้นที่พิเศษที่สุดของ Florence ที่พักแห่งนี้มีสปาโดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

Golden Tower Hotel & Spa

ห้องพักทันสมัยเป็นพิเศษ และบาร์ห้องพักมีสไตล์มีผนังสีขาว ชุดผ้าเครื่องนอน และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ทุกห้องมีมินิบาร์ อินเทอร์เน็ตไร้สาย ฟรี และทีวีจอแบนพร้อมช่อง Sky สปามีอ่างน้ำอุ่น ห้องอาบน้ำสไตล์ตุรกี ห้องซาวน่า ฝักบัวกระตุ้นประสาทสัมผัส

มีบริการนวดและทรีทเมนท์ความงามหลากหลายรายการเมื่อแจ้งความประสงค์โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม Golden Tower Hotel ให้บริการบุฟเฟต์อาหารเช้าทุกเช้าซึ่งประกอบด้วยคาปูชิโน่อิตาเลียน ผลไม้สด และขนมอบ ล็อบบี้สมัยศตวรรษที่ 15 มีจิตรกรรมฝาผนังแบบดั้งเดิม ห้องสมุด และเตาผิง พนักงานที่โรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งนี้ให้บริการส่วนบุคคลและความรู้ท้องถิ่นที่เป็นประโยชน์มากมาย Florence Cathedral และ Uffizi Gallery ใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที

4. Badrutt’s Palace Hotel St Moritz

เรามาเริ่มโรงแรมแรกของสวิตเซอร์แลนด์กัน โรงแรม Badrutt’s Palace Hotel St Moritz ระดับแนวหน้าของโลก จะตั้งอยู่ในบริเวณที่มีวิวที่สวยงามอยู่ศูนย์กลางของเมืองซังคท์โมริทซ์ ท่ามกลางเทือกเขาเอนกาดินแอลป์และวิวทะเลสาบที่สวยงามมาก

Badrutt’s Palace Hotel St Moritz

ห้องพักสามารถมองเห็นวิวภูเขาและวิวทะเลสาบได้ทั่วเมือง หรือนั่งจิบชาร้อนได้จากมุมระเบียงห้องพัก มีสระว่ายน้ำแบบ Indoor ที่มองเห็นวิวภูเขาล้อมรอบ มีสนามเทนนิสด้านหน้าของโรงแรมในช่วงฤดูร้อน และถ้าช่วงฤดูหนาวก็จะมีผู้คนมาเล่นสกีในลานสกีบริเวณด้านหน้าโรงแรม

5. Grand Resort Bad Ragaz

มาต่อกันที่สถานที่สองนั่นก็คือ Grand Resort Bad Ragaz โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่กลางเทือกเขาแอลป์แถวทางตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ พูดได้เลยว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสปาระดับเฟิร์สคลาส

Grand Resort Bad Ragaz

มีบรรยากาศที่สวยงามด้วยความที่ประเทศนี้เป็นประเทศที่สวยเหมือนดังเทพนิยาย หรือถ้าหากคุณชื่นชอบการเดินป่าที่นี่มีเส้นทางเดินป่าและสกีรีสอร์ทที่สวยงามให้ท่านได้เที่ยวชม และมีบ่อน้ำพุร้อน ออกแบบห้องหรูหรา สวยงาม มองเห็นวิวภายนอก ที่นี่ถือว่ามีครบทุกอย่าง

6. Grand Hotel des Bains Kempinski

มาที่สถานที่สุดท้ายของสวิส Grand Hotel des Bains Kempinski โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ถูกออกแบบในสไตล์ร่วมสมัยที่มีความสวยงามหรูหราแต่ก็ยังมีความโบราณนิดๆ โรงแรมตั้งอยู่ที่ชนบท Engadine ที่มีวิวที่สวยงามของ Sankt Moritz ห้องพักหรูหรากว้างมาก

Grand Hotel des Bains Kempinski

ท่านสามารถชมวิวธรรมชาติได้จากระเบียงห้องพัก การตกแต่งก็ยังมีความธรรมชาติซ้อนอยู่เล็กน้อยและให้อารมณ์ที่อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ห้องอาหารระดับMichelin Star มีบริการสระน้ำอุ่นในร่มที่หรูหรา ห้องซาวน่าและอ่างอาบน้ำมากมายอีกด้วย หากไปสวิสแล้วไม่ได้พักที่นี่คงต้องพลาดด

7. Grand Hôtel du Palais Royal

มาเริ่มสถานที่พักที่แรกของฝรั่งเศสกันค่าา ก็คือ Grand Hôtel du Palais Royal อยู่อีกฝั่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นที่พักที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในปารีส เมื่อเดินผ่านส่วนหน้าอาคารอันโอ่อ่าแล้วคุณจะอยู่ในสวรรค์ที่หรูหราที่ผสมผสานกับสไตล์ของดีไซเนอร์

ห้องพักได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ร้านอาหารที่สุดหรู และบริการที่ได้รับการที่สุดน่าประทับใจมากพอที่จะทำให้หัวใจเต้นรัว มองหาพื้นที่สีเขียวสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนหลวงในบริเวณใกล้เคียง Le Lulli – ร้านอาหารสุดเลิศหรูของโรงแรม – ได้รับการสร้างสรรค์ให้รู้สึกเหมือนเป็นสวนฤดูหนาว

 Grand Hôtel du Palais Royal

ที่บาร์ซึ่งมีเคาน์เตอร์หินอ่อนและผ้า Toile de Jouy ก็ดูเหมือนงานศิลปะ หลังจากนั้นก็เริ่มทานของหวาน ทำการยกเก้าอี้เรียบหรูขึ้นมาและดูนักผสมเครื่องดื่มสร้างสรรค์ค็อกเทล พูดได้เลยว่าสายปาร์ตี้ไม่ควรพลาดที่จะมาพักที่นี่

8. Four Seasons Hotel George V

มาต่อกันที่สถานที่พักที่สองของฝรั่งเศสนั่นก็คือ Four Seasons Hotel George V สถานที่นี้จะเป็นสถานที่สำคัญสไตล์อาร์ตเดโค จะตั้งอยู่ในสามเหลี่ยมทองคำของกรุงปารีส ไม่ไกลจาก Champs-Elysees ที่เก่าแก่

Four Seasons Hotel George V

ห้องสวีทขนาดใหญ่พร้อมวิวชมหอไอเฟล ใกล้กับถนนปารีที่มีเสน่ห์สุดๆบอกเลยว่าเหมาะมากเพราะหากท่านได้ไปเดินเล่นที่ถนนปารีสแล้วก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางไปหาที่พักไกลๆเลย และยังมีร้านอาหารสามแห่งมีดาวมิชลินห้าดาวก็เป็นแหล่งรวมอาหารที่ดีที่สุดในฝรั่งเศส

และยังมีสปาใหม่เอี่ยม สระว่ายน้ำหรูหรา และลานภายในสำหรับการพักผ่อนช่วงบ่ายพร้อมไวน์สักแก้ว บอกได้เลยว่าฟินสุดๆ

Deluxe Suite

9 . Le Bristol Paris

เรามาปิดท้ายกันด้วยที่ Le Bristol Paris ตั้งอยู่บน Rue du Faubourg Saint-Honoré ใจกลางกรุงปารีส โรงแรมนี้บอกเล่าเรื่องราวความสง่างาม ตั้งแต่สมัยก่อนค่ะ แล้วตอนนี้รับการปรับปรุงใหม่ได้สวยงามหรูหรามากๆ  เป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์ในยามค่ำคืนของปารีส

 Le Bristol Paris

โรงแรมผสมผสานบริการชั้นดี ศิลปะสวยงาม ความอบอุ่น และอาหารฝรั่งเศสที่ไม่มีใครเทียบได้ แน่นอนว่ายังมีอาหารของเชฟ Eric Frechon ที่อร่อยมากจนท่านอาจจะอยากเก็บไว้ทานคนเดียวเลยจนหมดเลยก็ว่าได้

พูดได้เลยว่าที่เขาเด่นเรื่องอาหารฝรั่งเศสมาก ใครที่ชื่นชอบในการชิมอาหารเลิศรสแนะนำเลย แล้วแขกจะได้รับประสบการณ์สุดพิเศษที่สระว่ายน้ำที่ลอยอยู่เหนือหลังคาของปารีส บอกเลยว่าพักที่สบายทั้งกายสบายทั้งใจคุ้มค่าสุดๆ

รีวิวที่พัก

อย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดกับบทความครั้งหน้า วันนี้ Ultimate Journey ไปแล้วค่า

กด Like และ กดติดตามเราได้ที่

Facebook https://www.facebook.com/ultimatejourney8/

Ultimate Journey มีโปรแกรม ทัวร์ยุโรป หลากหลายเส้นทาง

โทร : 02-334-0081

Line Official : @ultimate.bkk (มี@ด้านหน้า)

บทความอื่น ๆ

Christmas Market

ฉลองเทศกาล Christmas ที่ประเทศเยอรมนี บอกเลยสายฝอ ห้ามพลาด!!

อีกไม่กี่วันเราก็จะเดินทางเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งเป็นเดือนแห่งความสุข ความอบอุ่น และก็มีวันที่ทุกคนรอคอยกันมากที่สุด คือวันคริสต์มาสนั่นเอง หากเพื่อนๆ ต้องการชวนใครไปฉลองวัน Christmas หลายๆท่านคงนึกถึง ทัวร์ยุโรป แน่ๆ แต่หากเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน? ถ้าเป็นอย่างนั้น เพื่อนๆ มาถูกที่แล้วค่ะ เพราะวันนี้ Ultimate Journey จะพาเพื่อนๆ ไปร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ ประเทศเยอรมนี กันค่ะ  Credit : https://www.flickr.com/ แบบว่าเอาใจสาว ๆ สายฝ. โดยเฉพาะคนที่เล็งหนุ่มเยอรมันไว้ เผื่อปลายปีนี้หนุ่ม ๆ จะชวนบินไปฉลองคริสต์มาสบ้านเขา เราจะได้เป๊ะ หรือใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเยอรมนีช่วงคริสต์มาสนี้ก็ห้ามพลาด รับรองว่าเพื่อนๆ จะได้เพลินเพลินไปกับบรรยากาศคริสต์มาสที่แสนอบอุ่น มาดูกันว่าประเพณีการฉลองคริสต์มาสแบบฉบับชาวเยอรมันนั้นทำอย่างไรบ้าง? ถ้าพร้อมแล้วเตรียมตัวออกเดินทางได้!! ในวันที่ 6 ธันวาคม บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยถุงเท้าสำหรับใส่ของขวัญ เด็ก ๆในประเทศเยอรมนีจะได้รับถุงเท้าในวันนักบุญนิโคลัส วันที่ 6 ธันวาคม (เปิดเช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ

Top 10 Watch

TOP 10 นาฬิกาแบรนด์หรูที่แพงที่สุด

นาฬิกานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและสถานะอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีนาฬิกาแบรนด์ต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เพียงเท่านั้นที่ขึ้นชื่อเรื่องของงานฝีมืออันประณีตและราคาที่สูงลิ่ว โดยวันนี้พี่อัลติเมทเจอร์นี่จะพามาสำรวจแบรนด์นาฬิกาหรูประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ เยอรมัน ที่แพงที่สุด 10 อันดับแรก ที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งและความหรูหรา ตั้งแต่ความคลาสสิกเหนือกาลเวลาไปจนถึงนวัตกรรมสมัยใหม่เลยทีเดียว แบรนด์เหล่านี้ได้ก้าวข้ามขอบเขตที่มีไว้เพียงแค่เครื่องมือบอกเวลาและได้สร้างมาตรฐานใหม่ในนาฬิกาสุดหรูนี้ แล้วจะรอกันอยู่ทำไม มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีแบรนด์อะไรบ้างงง 1.A.Lange & Söhne Credit : https://www.alange-soehne.com/ A.Lange & Söhne แบรนด์นาฬิกาประเทศเยอรมัน ตัวแบรนด์นี้มีชื่อเสียงในเรื่องของความแม่นยำและการดีไซน์ที่ซับซ้อน นักสะสมต่างก็พากันมองหาพวกรุ่นลิมิเต็ดกันทั้งนั้น ซึ่งอาจจะมีราคามากถึงหลักล้านยูโร ตัวบริษัทนั้นโด่งดังขึ้นมาจากตัวนาฬิกา อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีรูปแบบของหน้าปัดที่ไม่เหมือนใครและการแสดงวันที่ขนาดใหญ่ กลไกอันซับซ้อนของ

Marry Christmas.

ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส?

เทศกาลแห่งความรักความอบอุ่น คริสต์มาสต์ (Christmas) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองอันศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี เป็นเวลากว่าสองพันปีที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้าสังเกตประเพณีและการปฏิบัติที่มีทั้งทางศาสนาและทางโลก ชาวคริสต์เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเป็นวันครบรอบการประสูติของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสทางโลกนี้ บุคคลในตำนานชื่อซานตาคลอสมีบทบาทสำคัญ และมีที่ไหนจัดเทศกาลคริสต์มาสได้ดีไปกว่าประเทศในโซนยุโรป เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนไปเที่ยว ทัวร์ยุโรป กันมากที่สุด เราไปอ่านประวัติวันคริสต์มาสต์กันต่อ ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส? คำว่า Christmas  เป็นการผสมผสานระหว่าง คำว่า Christes และ Maesse ที่แปลว่า “พิธีมิสซาของพระคริสต์” พบครั้งแรก ในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจ คริสต์มาส มาร์เก็ต ที่ห้ามพลาดในยุโรป ทัวร์ยุโรปตะวันออก https://ultimatejourney.co.th/tour_category/toureurope/page/6/ คริสต์มา