เทศกาลแห่งความรักความอบอุ่น คริสต์มาสต์ (Christmas) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองอันศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี เป็นเวลากว่าสองพันปีที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้าสังเกตประเพณีและการปฏิบัติที่มีทั้งทางศาสนาและทางโลก ชาวคริสต์เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสเป็นวันครบรอบการประสูติของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสทางโลกนี้
บุคคลในตำนานชื่อซานตาคลอสมีบทบาทสำคัญ และมีที่ไหนจัดเทศกาลคริสต์มาสได้ดีไปกว่าประเทศในโซนยุโรป เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนไปเที่ยว ทัวร์ยุโรป กันมากที่สุด เราไปอ่านประวัติวันคริสต์มาสต์กันต่อ
- ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส?
- คริสต์มาสเริ่มต้นอย่างไร?
- คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ
- ธรรมเนียมในวันคริสต์มาสต์
- เข้าถึงความเป็นคริสต์มาสมากขึ้น
ทำไมเราถึงเรียกมันว่าคริสต์มาส?
คำว่า Christmas เป็นการผสมผสานระหว่าง คำว่า Christes และ Maesse ที่แปลว่า “พิธีมิสซาของพระคริสต์” พบครั้งแรก ในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจ
คริสต์มาส มาร์เก็ต ที่ห้ามพลาดในยุโรป
ทัวร์ยุโรปตะวันออก https://ultimatejourney.co.th/tour_category/toureurope/page/6/
คริสต์มาสเริ่มต้นอย่างไร?
การเฉลิมฉลองเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูหนาวทั่วโลกมายาวนาน หลายทศวรรษก่อนการมาถึงของชายที่เรียกว่าพระเยซู ที่บังเกิดในรางหญ้า และชาวยุโรปยุคแรกเฉลิมฉลองแสงสว่างและการประสูติในวันที่มืดมนที่สุดของฤดูหนาว ผู้คนจำนวนมากชื่นชมยินดีในช่วงครีษมายัน หรือในช่วงที่มีช่วงกลางวันยาวนานที่สุดในรอบปีของซีกโลกเหนือ พวกเขาสามารถตั้งตารอที่จะมีวันยาวนานขึ้นและได้รับแสงแดดยาวนานหลายชั่วโมง
ปลายเดือนธันวาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองในพื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรป ในช่วงเวลานั้นของปี วัวส่วนใหญ่ถูกฆ่าเพื่อจะได้ไม่ต้องให้อาหารในช่วงฤดูหนาว สำหรับหลาย ๆ คน นี่เป็นช่วงเวลาเดียวของปีเท่านั้นที่พวกเขามีเนื้อสด นอกจากนี้ไวน์และเบียร์ส่วนใหญ่ที่ผลิตในระหว่างปีก็หมักและพร้อมดื่มในที่สุด
คริสต์มาสได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและเข้ามาแทนที่เทศกาลนอกรีต และจะยังคงแพร่กระจายต่อไปในศตวรรษต่อ ๆ ไปเช่นกัน มีการเฉลิมฉลองการประสูติของพระคริสต์ในวันที่ 25 ธันวาคม และวันที่ 6 มกราคมกลายเป็นวันที่ผู้คนเฉลิมฉลองเทศกาล Epiphany (ศักดิ์สิทธิ์) ซึ่งเป็นการรำลึกถึงเมื่อนักปราชญ์มาถึงเบธเลเฮมและพบพระเยซูในรางหญ้า (ช่วงเวลาระหว่างทั้งสองวันจะเรียกว่า 12 วันคริสต์มาส)
คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ
สำหรับพวกเราหลายๆ คน คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดของปีอย่างแท้จริง จากข้อมูลของ Pew Research Center ชาวอเมริกันประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์และคริสเตียน 95 เปอร์เซ็นต์เฉลิมฉลองคริสต์มาสในแต่ละปี ดังนั้นจึงเป็นวันหยุดที่มีการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเพณีอันเป็นที่รักมากมาย
ผู้คนตกแต่งบ้านและประดับต้นคริสต์มาสอย่างสวยงามด้วยกระดิ่ง กล่องของขวัญ และสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ อบขนมคริสต์มาส เข้าร่วมพิธีในโบสถ์ในวันคริสต์มาสอีฟ รับประทานอาหารวันหยุดมากมายที่ตั้งตารอมานาน และแลกเปลี่ยนของขวัญในวันสำคัญ เป็นการเฉลิมฉลองที่แสนอบอุ่น เต็มไปด้วยความรักและความสุขอย่างมากมายเหมือนการเฉลิมฉลองในคืนมืดมิดที่นำแสงสว่างมาสู้พวกเขา
ธรรมเนียมในวันคริสต์มาสต์
การแขวนถุงเท้า (Hanging Stockings) ผู้คนหรือเด็กๆ นิยมทำกันในช่วงคริสต์มาสอีฟ พร้อมกับอธิษฐานขอสิ่งที่ตัวเองอยากได้ เพื่อหวังว่าจะได้รับสิ่งนั้นในเช้าวันคริสต์มาสต์ แต่ความเป็นจริงแล้ว ที่มาของการแขวนถุงเท้ามาจาก ความเชื่อที่ว่า การวางหญ้าแห้งไว้ในรองเท้า เมื่อนักบุญนิโคลัส (ซานต้าคลอสคนแรก) เดินทางผ่านมา จะนำหญ้าแห้งมาเป็นอาหารให้กับลาของเขา และจะทิ้งเหรียญเงินไว้ในรองเท้าเพื่อเป็นการตอบแทนนั้นเอง
ต้นคริสต์มาส (Evergreens) สำหรับต้นคริสต์มาส เปรียบเสมือน ต้นไม้ในแห่งสวรรค์ โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
ดูหนังมาราธอน (The A Christmas Story Marathon) ในทุกๆ ช่วงวันคริสต์มาส ผู้คนจะเปิดภาพยนต์หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสตลอดทั้งวัน หรือแบบมาราธอนนั้นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาคริสต์มาสจะเป็นช่วงเวลาแห่งครอบครัว ผู้คนมากมายมักเดินทางกลับภูมิลำเนา ทานข้าวร่วมกัน ดังนั้นการได้ดูหนังในช่วงวันหยุดคริสต์มาสด้จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเติมเต็มความสุขในกันกับครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน
คู่สีแดง-เขียว (THE COLORS RED AND GREEN) เคยสงสัยไหมทำไมเทศกาลวันคริสต์มาสต้องเป็นสีแดง-เขียว สีแดงหมายถึงความรักผ่านพระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขน และหมายถึงความรักและความศรัทธาที่มีต่อพระเยซูของชาวคริสต์ โดยใช้ผลสีแดงจากต้นฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์
เข้าถึงความเป็นคริสต์มาสต์มากขึ้น
ในปีนี้ เมื่อคุณได้มีส่วนร่วมในเทศกาลคริสต์มาส เช่น การตั้งต้นคริสต์มาส ดูหนังมาราธอนแขวนถุงเท้า อบขนมอร่อยๆ หรือแม้แต่ร้องเพลงคริสต์มาส คุณจะเข้าใจคริสต์มาสได้ดีขึ้นและรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นสำหรับ ช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดของปี คุณอาจจะเคยได้ของขวัญวันคริสต์มาส์มาไม่มากก็น้อย แต่ถ้าคุณได้เฉลิมฉลองกับครอบครัวของคุณ
คุณจะรู้สึกถึงความสำคัญในเทศกาลของวันหยุด ที่นำพาความอบอุ่นและความรักมาให้คุณ และยิ่งเข้าใกล้วันเริ่มปีใหม่ คุณคงจะเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ เพราะเดือนธันวาเป็นเดือนที่ให้อะไรหลายอย่างกับคุณ เป็นเดือนที่เหมาะกับการฉลอง และการได้พบเจอครอบครัวที่แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ต่างๆ คงจะรู้สึกดีมากไม่ใช่น้อย
อย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดกับบทความครั้งหน้า วันนี้Ultimate Journey ไปแล้วค่า
กด Like และ กดติดตามเราได้ที่
Facebook https://www.facebook.com/ultimatejourney8/
Ultimate Journey มีโปรแกรม ทัวร์เนเธอร์แลนด์
หลากหลายเส้นทาง
โทร : 02-334-0081
Line Official : @ultimate.bkk (มี@ด้านหน้า)